ศูนย์ศัลยกรรมจมูกแห่งประเทศไทย

เทคนิคนี้เหมาะกับ แก้รูปทรงจมูก ไหน

แก้รูปทรงจมูก ไม่ว่าจะมาจากการเสริมจมูก เสริมดั้ง หรือ แก้จมูกใหม่ กลายเป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีเทคนิคในการทำที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าของหนุ่มสาว ให้ดูโดดเด่นสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนหลังทำ เช่น ดั้งดูโด่งขึ้น จมูกดูคมชัดเข้ากับใบหน้า และแก้รูปทรงจมูกใหม่ให้ดูกลมกลืนอย่างธรรมชาติครับ

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้นั้นก็ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของแพทย์ รวมไปถึงเทคนิคที่นำมาใช้ในการผ่าตัดด้วยนั่นเอง โดยบทความนี้จะขอพูดถึงเทคนิคที่แพทย์นำมาใช้ว่าเหมาะกับจมูกรูปทรงแบบไหนนะครับ

เทคนิคในการ แก้รูปทรงจมูก มีอะไรบ้าง

เทคนิคในการ แก้รูปทรงจมูก มีอะไรบ้าง

เทคนิคการเสริมจมูกทางการแพทย์จะนิยมนำมาใช้ 2 เทคนิค คือ การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique) และการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique) โดยทั้ง 2 เทคนิคมีรายละเอียดดังนี้

  • เทคนิคแบบเปิด (Open Technique)

การเสริมจมูกด้วยวิธีนี้กลายเป็นที่นิยมมากของศัลยแพทย์ทั่วโลก โดยนำมาแก้ไขปัญหาหนุ่มสาวที่มี กระดูกฮัมพ์นูน จมูกงุ้ม ฐานจมูกคดเอียง หรือ ปลายจมูกโด่งเกินไป อีกทั้งยังสามารถปรับโครงสร้างได้ดีกว่าเทคนิคอื่น ๆ ทำให้ได้รูปทรงจมูกที่สวยงามอย่างธรรมชาติตามความต้องการของทุกท่าน

ซึ่งการแก้จมูกที่มีความยาก หรือต้องเก็บรายละเอียดเยอะ ๆ มักนิยมใช้เทคนิคเปิด หรือ อาจคุ้นหูว่าการแก้จมูกแบบโอเพ่น เพราะสามารถปรับโครงสร้างจมูกได้โดยตรง การผ่าตัดจะเปิดแผลในรูจมูกทั้งสองข้าง และบริเวณกึ่งกลางรูจมูก เป็นแผลขีดเล็ก ๆ ประมาณครึ่งเซ็นติเมตร ถ้าไม่สังเกตแทบจะเห็น และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ การผ่าตัดรูปแบบนี้จะมีความยาก และซับซ้อนมาก ดังนั้นหนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ จึงควรเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญ และมีประสบการณ์ในด้านนี้โดยตรงนะครับ

  • เทคนิคแบบปิด (Closed Technique)

เทคนิคการเสริมจมูกแบบปิดนั้น ส่วนมากจะเหมาะกับการเติมสันจมูก ปลายจมูก ซึ่งสามารถทำได้ ในกรณีจมูกไม่มีปัญหาของโครงสร้างพื้นฐานเดิม เรียกได้ว่าเป็นการผ่าตัดเล็ก โดยใช้เวลาในการผ่าตัดราว 30 – 60 นาที ก็เสร็จเรียบร้อยหรือที่สาว ๆ เรียกว่า สวยง่าย จบไว นั่นเองครับ

ซึ่งการเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบปิด แพทย์จะทำการเปิดแผลข้างใดข้างหนึ่งบริเวณภายในรูจมูก เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แต่เทคนิคการผ่าตัดแบบปิดก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น ไม่สามารถแก้ไขปัญหายากได้ เช่น กรณีจมูกสั้นมาก จมูกงุ้มเกิน หรือผ่านการผ่าตัดเสริมจมูกมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ รวมถึงมีข้อจำกัดของความโด่ง เพราะการเสริมจมูกแบบปิดจะทำได้ตามกำลังของเนื้อเยื่อจมูกเดิม เทคนิคดังกล่าวจึงจะไม่เน้นจมุกที่โด่ง แต่จะเน้นไปที่ให้เข้ากับโครงสร้างใบหน้า

นอกจากนี้ การเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบปิด แพทย์ส่วนใหญ่ยังนิยมนำกระดูกอ่อนหลังใบหู หรือเนื้อเยื่อไขมันมารองบริเวณปลายจมูก เพื่อเพิ่มความหนาของเนื้อเยื่อจมูก และลดความเสี่ยงจมูกทะลุ เรียกได้ว่า สวยแบบปลอดภัย

ควร แก้รูปทรงจมูก แบบไหน

ควร แก้รูปทรงจมูก แบบไหน

ก่อนที่เราจะเข้าไปสู่หัวข้อรูปทรงจมูกแบบไหนควรแก้ ผมจะขออธิบายเกี่ยวกับการเสริมจมูกเพิ่มเติมอีกสักนิดนะครับ ซึ่งการเสริมจมูก (Rhinoplasty) คือการเปลี่ยนแปลง แก้ไขรูปทรงจมูกเดิม ให้ดูสวยขึ้น เพิ่มความโด่ง เพิ่มมีมิติ รวมถึงแก้ไขรูปทรงที่เป็นปัญหานั่นเองครับ

โดยการศัลยกรรมเสริมจมูกจะสามารถแก้ไขได้เกือบทุกประเภทไม่ว่าหนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ จะมีรูปทรงจมูกแบบไหนก็ตาม ซึ่งรูปทรงจมูกที่สามารถแก้ได้จะมีดังนี้

  • จมูกชมพู่

หมายถึงหนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ ที่มีปลายจมูกขนาดใหญ่ดูไม่เหมะกับใบหน้า จะสามารถแก้ได้โดยการผ่าตัดเสริมจมูกทำให้จมูกดูเรียวเล็กขึ้น ซึ่งแพทย์จะทำการเสริมจมูกโดยใช้เทคนิคผ่าตัดแบบเปิด เพื่อปรับโครงสร้าง และยืดผนังกั้นจมูก ซึ่งเทคนิคแบบเปิดนั้นจะใช้กระดูกอ่อนแกนกลาง หรือบริเวณกระดูกอ่อนหลังใบหู มาเป็นส่วนยืดจมูกจริงให้ยาวขึ้น ส่วนตรงสันจมูกที่กว้าง แพทย์จะมีการเคาะ ตอกฐาน แล้วบีบให้เรียวขึ้นมา ฐานที่กว้างก็จะแคบลงครับ

  • จมูกมีฮัมพ์

ซึ่งสามารถสังเกตได้จากบริเวณสันจมูก เวลาลูบแล้วรู้สึกไม่เรียบเนียน เหมือนมีกระดูกนูนเป็นหลังเต่า ในหนุ่มสาวบางรายมีฮัมพ์นูนมาก ๆ จะยิ่งทำให้จมูกคดเอียง และมักพบร่วมกับปลายจมูกงุ้ม ทำให้ใบหน้าดูมีอายุกว่าวัยอันควร หรือหน้าดุมากเกินไป โดยวิธีที่แพทย์นิยมนำมาใช้คือ ตอกฐานจมูก หรือตัดฮัมพ์นูน ไปพร้อม ๆ กับการผ่าตัดแก้จมูกด้วยเทคนิคแบบเปิด เนื่องจากแพทย์จะสามารถมองเห็นโครงสร้างภายในจมูกที่นูน หรือคดเอียงได้อย่างชัดเจน ก่อนทำการตอกฐานกระดูก เพื่อความแม่นยำ แล้วตามด้วยตะไบฐานกระดูกให้เรียบขึ้น กระดูกบริเวณที่นูนจะถูกตอกออกไปอย่างถาวร จมูกจะไม่กลับมาโก่งซ้ำอีก หลังเสร็จการผ่าตัดจะทำให้สันจมูกมีความสโลป สันจมูกดูเรียบขึ้น ไม่โก่งนูน ช่วงหัวตาจะดูโค้งอ่อนช้อย ทำให้หน้าหวานขึ้น และช่วยปรับแก้ไขจมูก และลดความคดเอียงของฐานกระดูกอีกด้วยครับ

  • จมูกสั้น

สามารถสังเกตที่ทรงจมูกว่าส่วนของสันจมูกสั้นกว่าปกติหรือไม่ จมูกตามธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วนหรือป่าว เพราะจมูกสั้นจะทำให้หน้าดูไม่เด่นชัด เวลามองจะรู้สึกจมูกดูเล็ก และดูด้อย กว่าอวัยวะส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า ซึ่งอาจมีสาเหตุมากจากกรรมพันธุ์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไป ขึ้นอยู่กับโครงหน้าเดิม ซึ่งการเสริมจมูกสั้นนั้นจะเหมาะกับการใช้เทคนิคแบบเปิด เนื่องจากแพทย์ต้องทำการกรีดเปิดแผลทั้งสองฝั่ง เพื่อทำการปรับโครงสร้างจมูก และเคลียร์ปัญหาภายในจมูกทั้งหมด เพื่อปูทางเข้าสู่กระบวนการเสริมจมูกที่จะทำให้จมูกจริงพุ่ง โด่ง ยาวเรียวสวยได้อย่างเต็มที่ครับ หลังจากนั้นก็จะเสริมซิลิโคนเข้าไปบริเวณสันจมูก ยิ่งทำให้จมูกดูเด่นชัดกว่าเดิม และเป็นทรงสวยแบบธรรมชาตินั่นเอง

  • จมูกเนื้อน้อย

สังเกตได้จากบริเวณปลายจมูกจะมีเนื้อจมูกน้อย แต่ก็สามารถเสริมจมูกได้เพียงแต่จะต้องปรึกษากับศัลยแพทย์ เพื่อเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาของหนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ เนื่องจากคนที่มีเนื้อจมูกน้อยการเสริมด้วยซิลิโคนอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะเสี่ยงต่อซิลิโคนที่จะทะลุจมูกดังนั้น จึงควรเลือกทรงรูปจมูกที่ชอบ และนำมาปรึกษากับทางแพทย์ว่าสามารถเสริมในแบบทรงจมูกที่ต้องการได้หรือไม่ โดยแพทย์จะทำการประเมินรูปทรงจมูก และเทคนิคที่ต้องใช้ร่วมกัน เพื่อทำให้ได้ทรงจมูกออกมาตามที่หนุ่มสาวต้องการ ซึ่งการเสริมจมูกเนื้อน้อยอาจมีการใช้เทคนิครองปลายเพิ่มเติมเพื่อลดโอกาสเสี่ยงจมูกทะลุ โดยใช้ เนื้อเยื่อเทียม ,กระดูกอ่อนหลังใบหู หรือเนื้อเยื่อก้นกบ เป็นต้นครับ

แก้จมูกโอเพ่น vs แก้จมูกเทคนิคปิด ต่างกันอย่างไร

แก้จมูกโอเพ่น vs แก้จมูกเทคนิคปิด ต่างกันอย่างไร

การแก้จมูกเทคนิคแบบปิด กับแก้จมูกแบบโอเพ่นนั้น จะมีความแตกต่างกันที่เทคนิคการผ่าตัด รวมถึงผลลัพธ์ของรูปทรงจมูกที่ออกมา การพักฟื้น และขนาดแผลผ่าตัด นอกจากนี้หากเคยแก้จมูกมาซ้ำ ๆ ก็ควรตัดสินใจเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ และเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เห็นผลที่ดีในระยะยาว รวมถึงแพทย์จะได้ช่วยแนะนำวิธีที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่า และปลอดภัยนั่นเอง

  • การแก้จมูกแบบปิด

จะเป็นเทคนิคการเสริมจมูกให้มีลักษณะโด่งขึ้นด้วยการเสริมซิลิโคน ซึ่งได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เนื่องจากแพทย์จะเปิดแผลจากภายในแล้วสอดซิลิโคนเข้าไปบริเวณสันจมูก ทำให้แผลมีขนาดเล็ก มองไม่เห็นจากภายนอกครับ

นอกจากนี้การแก้จมูกแบบปิด ส่วนมากจะนิยมใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู หรือ เนื้อเยื่อไขมัน มารองไว้บริเวณปลายจมูก เพื่อช่วยเพิ่มความหนาของเนื้อเยื่อ และลดปัญหาปลายจมูกทะลุได้ ส่วนการผ่าตัดเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบปิดจะไม่ต้องดมยาสลบ และใช้เวลาพักฟื้นน้อย หลังทำจะมองไม่เห็นแผลเป็นจากการผ่าตัด เพราะแผลจะอยู่ภายในรูจมูก เรียกว่าการผ่าตัดเล็กที่ใช้การฉีดยาชาเฉพาะบริเวณจมูก แล้วเสริมซิลิโคนได้เลย

ถึงอย่างไรการแก้จมูกแบบปิด ก็เหมาะสำหรับคนไข้ที่ปลายจมูกไม่สั้น และมีเนื้อหุ้มหนาพอสมควร ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรากฐานจมูกมาก เนื่องจากมีโครงสร้างเดิมดีอยู่แล้ว หรือไม่มีความผิดปกติอื่น ๆ เพียงแค่ต้องการเสริมดั้งให้โด่งขึ้น และคนที่มีจมูกสั้น ไม่มีเนื้อปลายจมูกมากพอ หากเสริมจมูกแบบปิดแล้วใส่ซิลิโคนยาวไปถึงปลายจมูก อาตทำให้จมูกโด่งขึ้นได้จริง แต่รูจมูกจะไม่ได้ยืดตามปลาย เมื่อเกิดการขยับใบหน้าจากการใช้ชีวิตประจำวันปกติ จะทำให้ซิลิโคนเสียดสีกับปลายจมูก ส่งผลให้เนื้อจะค่อย ๆ บางลง และเกิดการทะลุได้ แม้จะรองกระดูกอ่อนหลังใบหูแล้วก็อาจเกิดปัญหานี้ได้เช่นกันครับ

ถือว่าเป็นการแก้จมูกด้วยการปรับโครงสร้าง โดยกรีดเปิดแผลบริเวณปลายจมูก เพื่อเข้าไปเคลียร์ปัญหาภายในจมูกทั้งหมด เช่น ตอกฐาน แก้ไขโครงสร้าง ตั้งแกนกลางด้วยกระดูกอ่อน ลดขนาดปลาย รวมถึงการยืดผนังกั้นจมูก เป็นการต่อแกนจมูกจริงให้ยาวขึ้นแล้วค่อยเสริมปรับเข้าไปอีก ก่อนคลุมด้วยซิลิโคน บนฐานที่แก้ไขทั้งหมดแล้ว จึงกลายเป็นเทคนิคที่เคลียร์ปัญหาได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจมูกแบบไหนก็ตาม เช่น ฮัมพ์สูง จมูกงุ้ม จมูกโต จมูกสั้นแหงน เป็นต้น ทำให้ผลลัพธ์หลัง แก้จมูกแบบโอเพ่น สวยเรียว ยาวอย่างธรรมชาติ

ส่วนเทคนิคโอเพ่นจะผ่าตัดร่วมกับวางยาสลบ และใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 – 3 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละเคส ) ต่อให้เทคนิคแก้จมูกโอเพ่นจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกรูปแบบก็มีสิ่งที่พึ่งระวัง เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ยาก และซับซ้อนมาก การเลือกสถานพยาบาล และแพทย์ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันครับ

ฉะนั้นการแก้จมูกทั้ง 2 เทคนิคจึงมีความแตกต่างกันทางด้าน ผลลัพธ์ วิธีการ และความชำนาญโดยคนที่ไม่ได้มีปัญหาจมูกมาก แค่ต้องการแก้ หรือเสริมจมูกให้โด่งก็ขอแนะนำเทคนิคแบบปิด ส่วนใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับจมูกมาก ๆ ก็สามารถเลือกเทคนิคแบบโอเพ่นได้ครับ แต่อย่างผมที่กล่าวไปความยาก และความซับซ้อนมักมาพร้อมกับความเสี่ยง จึงควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการศัลยกรรมอย่างน้อย 5 ปี เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่คุ้มค่าในระยะยาว ไม่ต้องกลับมาแก้ซ้ำบ่อย ๆ นะครับ

อ่านบทความเพิ่มเติมคลิกที่นี่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save